ศึกษาสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้
ในอดีตมนุษยชาติมีปัญหาความขัดแย้งไม่ลงรอยกัน ทั้งขัดแย้งทางความคิดและการกระทำ ซึ่งนำไปสู่การต่อสู้หรือทำสงครามทำลายล้างกัน
สาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ได้แก่
(1) แย่งชิงดินแดนและที่อยู่อาศัย
(2) แย่งชิงแหล่งน้ำและอาหาร
(3) แย่งชิงทรัพย์สินและกวาดต้อนผู้คน เพื่อนำมาใช้เป็นกำลังแรงงาน
(4) ความขัดแย้งในความเชื่อและศาสนา
(2) แย่งชิงแหล่งน้ำและอาหาร
(3) แย่งชิงทรัพย์สินและกวาดต้อนผู้คน เพื่อนำมาใช้เป็นกำลังแรงงาน
(4) ความขัดแย้งในความเชื่อและศาสนา
2. สาเหตุความขัดแย้งของมนุษยชาติในยุคปัจจุบัน
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ.1939-1945) สิ้นสุดลง ความขัดแย้งของมนุษยชาติในสมัยปัจจุบันยิ่งเพิ่มมากขึ้น
2.2 ความแตกต่างทางด้านอุดมการณ์ทางการเมืองและระบบเศรษฐกิจ
2.3 การแข่งขันด้านอาวุธ
2.4 ลัทธิชาตินิยม
2.5 การต่อต้านบทบาทของชาติมหาอำนาจ
2.3 การแข่งขันด้านอาวุธ
2.4 ลัทธิชาตินิยม
2.5 การต่อต้านบทบาทของชาติมหาอำนาจ
3. ความแตกต่างทางด้านสังคมและวัฒนธรรม
ความขัดแย้งของมนุษย์ชาติในสมัยปัจจุบันที่มีสาเหตุเกิดจากความแตกต่างทางด้านสังคมและวัฒนธรรม มีดังนี้
3.1 ความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ หรือที่เรียกว่า “ลัทธิเผ่าพันธุ์นิยม” เป็นความรู้สึกของผู้คนในประเทศหนึ่งที่ผูกพันกับเผ่าพันธุ์เดิมของตน เกิดความคิดที่จะแบ่งแยกดินแดนเพื่อตั้งเป็นประเทศเอกราชใหม่และเป็นที่อยู่อาศัยเฉพาะเผ่าพันธุ์ของตน ดังตัวอย่าง เช่น ชาวโครแอต (Croat) ก่อตั้งประเทศโครเอเชีย (Republic or Croatia) โดยแยกตัวออกจากสหพันธรัฐยูโกสลาเวีย เมื่อปี ค.ศ.1991
3.2 ความขัดแย้งทางด้านศาสนา เช่น ความขัดแย้งระหว่างชาวฮินดูกับชาวมุสลิมในอินเดีย หรือความขัดแย้งระหว่างผู้นับถือศาสนาเดียวกันแต่เป็นคนละนิกาย เช่น สงครามครูเสด เป็นความขัดแย้งระหว่างผู้นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม
4. ความแตกต่างทางด้านอุดมการณ์ทางการเมืองและระบบเศรษฐกิจ
(1) ค่ายประชาธิปไตย มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ
(2) ค่ายคอมมิวนิสต์ มีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำ

4.2 ระบบเศรษฐกิจ ประเทศต่างๆในโลกมีระบบเศรษฐกิจแตกต่างกันจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกันได้
ระบบเศรษฐกิจที่สำคัญจำแนกได้ 3 ระบบใหญ่ๆ ดังนี้
(1) ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม (Capitalism) ซึ่งรู้จักกันในชื่อต่างๆ เช่น ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และระบบเศรษฐกิจแบบการตลาด โดยให้เอกชนมีเสรีภาพในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รัฐจะไม่เข้าแทรกแซงหรือแทรกแซงแต่น้อย
(2) ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (Socialistic Economic System) โดยรัฐเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตต่างๆ และเป็นผู้ประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญเอง เช่น การธนาคาร การอุตสาหกรรม การสื่อสารและโทรคมนาคม
(3) ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (Mixed Economic System) มีลักษณะผสมผสานระหว่างระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมกับระบบสังคมนิยม โดยเอกชนยังคงมีเสรีภาพในการผลิต แต่รัฐจะผูกขาดดำเนินกิจกรรมทางด้าน เศรษฐกิจที่สำคัญบางอย่าง เช่น ไฟฟ้า ประปา การคมนาคม และสาธารณูปโภคอื่น
การแข่งขันสะสมอาวุธร้ายแรงระหว่างชาติต่างๆ กลายเป็นสาเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศได้ ดังนี้
5.1 การแข่งขันกันผลิตและสะสมอาวุธร้ายแรง ของประเทศใดประเทศหนึ่ง เป็นสาเหตุทำให้ประเทศในภูมิภาคเดียวกันเกิดความหวาดระแวง และเร่งดำเนินการผลิตเพื่อเตรียมป้องกันตนเอง

6. ลัทธิชาตินิยม
6.1 ลัทธิชาตินิยม (Nationalism)
คือ ความจงรักภักดีต่อชาติของตนสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใดคิดว่าชาติของตน มีความสำคัญเหนือกว่าครอบครัว ท้องถิ่น หรือประชาชาติอื่น ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศและกลายเป็นสงครามประหัตถ์ประหารกันได้
6.2 แนวความคิดชาตินิยมในทวีปเอเชียและแอฟริกา เริ่มปรากฏในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อญี่ปุ่นทำสงครามรบชนะรัสเซีย ใน ปี พ.ศ. 1905 กระตุ้นให้ชาติเล็ก ๆ เชื่อว่าจะสามารถเอาชนะประเทศยุโรปได้
6.3 พลังชาตินิยมปรากฏชัดเจนภายหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 เป็นต้นไป)
6.2 แนวความคิดชาตินิยมในทวีปเอเชียและแอฟริกา เริ่มปรากฏในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อญี่ปุ่นทำสงครามรบชนะรัสเซีย ใน ปี พ.ศ. 1905 กระตุ้นให้ชาติเล็ก ๆ เชื่อว่าจะสามารถเอาชนะประเทศยุโรปได้
6.3 พลังชาตินิยมปรากฏชัดเจนภายหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 เป็นต้นไป)
เนื้อหาดี
ตอบลบเนื้อหาดี มีรูปภาพประกอบทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ทำได้สวยงาม
ตอบลบเนื้อหาครบถ้วน
ตอบลบสรุปได้ดี
ตอบลบกำลังต้องการเนื้อหาอยู่พอดีเลย
ตอบลบขอบคุณ ต่อความคิดเห็นข้างบน
ตอบลบเนื้อหาเข้าใจง่าย
ตอบลบ