วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สาเหตุความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ศึกษาสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้

1.  สาเหตุความขัดแย้งของมนุษยชาติในอดีต
ในอดีตมนุษยชาติมีปัญหาความขัดแย้งไม่ลงรอยกัน ทั้งขัดแย้งทางความคิดและการกระทำ ซึ่งนำไปสู่การต่อสู้หรือทำสงครามทำลายล้างกัน        

สาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ได้แก่
(1)   แย่งชิงดินแดนและที่อยู่อาศัย
(2)   แย่งชิงแหล่งน้ำและอาหาร                       
(3)   แย่งชิงทรัพย์สินและกวาดต้อนผู้คน เพื่อนำมาใช้เป็นกำลังแรงงาน
(4)   ความขัดแย้งในความเชื่อและศาสนา


2.  สาเหตุความขัดแย้งของมนุษยชาติในยุคปัจจุบัน
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ.1939-1945) สิ้นสุดลง ความขัดแย้งของมนุษยชาติในสมัยปัจจุบันยิ่งเพิ่มมากขึ้น

โดยมีสาเหตุสรุปได้ดังนี้
2.1   ความแตกต่างทางด้านสังคมและวัฒนธรรม
2.2   ความแตกต่างทางด้านอุดมการณ์ทางการเมืองและระบบเศรษฐกิจ
2.3   การแข่งขันด้านอาวุธ

2.4   ลัทธิชาตินิยม
2.5   การต่อต้านบทบาทของชาติมหาอำนาจ
 

3. ความแตกต่างทางด้านสังคมและวัฒนธรรม
   ความขัดแย้งของมนุษย์ชาติในสมัยปัจจุบันที่มีสาเหตุเกิดจากความแตกต่างทางด้านสังคมและวัฒนธรรม มีดังนี้

3.1 ความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ หรือที่เรียกว่าลัทธิเผ่าพันธุ์นิยมเป็นความรู้สึกของผู้คนในประเทศหนึ่งที่ผูกพันกับเผ่าพันธุ์เดิมของตน เกิดความคิดที่จะแบ่งแยกดินแดนเพื่อตั้งเป็นประเทศเอกราชใหม่และเป็นที่อยู่อาศัยเฉพาะเผ่าพันธุ์ของตน ดังตัวอย่าง เช่น ชาวโครแอต (Croat) ก่อตั้งประเทศโครเอเชีย (Republic or Croatia) โดยแยกตัวออกจากสหพันธรัฐยูโกสลาเวีย เมื่อปี ค.ศ.1991
3.2 ความขัดแย้งทางด้านศาสนา  เช่น ความขัดแย้งระหว่างชาวฮินดูกับชาวมุสลิมในอินเดีย หรือความขัดแย้งระหว่างผู้นับถือศาสนาเดียวกันแต่เป็นคนละนิกาย  เช่น สงครามครูเสด เป็นความขัดแย้งระหว่างผู้นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม
3.3 ความแตกต่างทางด้านอารยธรรม  ทำให้มนุษย์เกิดความไม่เข้าใจกันและกลายเป็นสาเหตุความขัดแย้งระหว่างประเทศได้ อารยธรรมที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน เช่น อารยธรรมตะวันตก อารยธรรมจีน และ อารยธรรมฮินดู เป็นต้น










4. ความแตกต่างทางด้านอุดมการณ์ทางการเมืองและระบบเศรษฐกิจ
ความแตกต่างในอุดมการณ์ทางการเมืองและระบบเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ กลายเป็นสาเหตุของปัญหาความขัดแย้งในหมู่มนุษยชาติ ดังนี้

4.1 อุดมการณ์ทางการเมือง ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง โลกมีความแตกต่างและความขัดแย้งในอุดมการณ์ทางการเมืองระหว่างชาติมหาอำนาจ 2 ค่าย ดังนี้
(1)  ค่ายประชาธิปไตย มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ
(2)  ค่ายคอมมิวนิสต์ มีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำ

ความขัดแย้งในอุดมการณ์ทางการเมืองและการแข่งขันกันแผ่ขยายอิทธิพลของชาติ มหาอำนาจทั้งสองค่ายในภูมิภาคต่างๆ ของโลกดังกล่าว ทำให้โลกเข้าสู่ภาวะสงครามเย็น(Cold War) ในช่วงปี ค.ศ.1945-1991 ซึ่งได้สิ้นสุดลงพร้อมๆกับการล่มสลายของสหภาพโซเวียต

4.2   ระบบเศรษฐกิจ  ประเทศต่างๆในโลกมีระบบเศรษฐกิจแตกต่างกันจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกันได้
        
       ระบบเศรษฐกิจที่สำคัญจำแนกได้ 3 ระบบใหญ่ๆ ดังนี้
       (1)  ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม (Capitalism) ซึ่งรู้จักกันในชื่อต่างๆ เช่น ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และระบบเศรษฐกิจแบบการตลาด  โดยให้เอกชนมีเสรีภาพในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รัฐจะไม่เข้าแทรกแซงหรือแทรกแซงแต่น้อย
       (2)  ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (Socialistic Economic System) โดยรัฐเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตต่างๆ และเป็นผู้ประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญเอง เช่น การธนาคาร การอุตสาหกรรม การสื่อสารและโทรคมนาคม
        (3)  ระบบเศรษฐกิจแบบผสม  (Mixed Economic System) มีลักษณะผสมผสานระหว่างระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมกับระบบสังคมนิยม โดยเอกชนยังคงมีเสรีภาพในการผลิต แต่รัฐจะผูกขาดดำเนินกิจกรรมทางด้าน เศรษฐกิจที่สำคัญบางอย่าง เช่น ไฟฟ้า ประปา การคมนาคม และสาธารณูปโภคอื่น

 5.  การแข่งขันด้านอาวุธ
     การแข่งขันสะสมอาวุธร้ายแรงระหว่างชาติต่างๆ กลายเป็นสาเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศได้ ดังนี้ 


5.1 การแข่งขันกันผลิตและสะสมอาวุธร้ายแรง ของประเทศใดประเทศหนึ่ง เป็นสาเหตุทำให้ประเทศในภูมิภาคเดียวกันเกิดความหวาดระแวง และเร่งดำเนินการผลิตเพื่อเตรียมป้องกันตนเอง



5.2 ประเทศที่มีการสะสมขีปนาวุธร้ายแรง (นิวเคลียร์) ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งและความหวาดระแวงระหว่างประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือคู่กรณีที่เคยมีปัญหาความขัดแย้งกันมาก่อน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย อินเดีย  จีน เกาหลีเหนือ และอิหร่าน  เป็นต้น


6. ลัทธิชาตินิยม
      6.1 ลัทธิชาตินิยม (Nationalism)
      คือ ความจงรักภักดีต่อชาติของตนสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใดคิดว่าชาติของตน มีความสำคัญเหนือกว่าครอบครัว ท้องถิ่น หรือประชาชาติอื่น ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศและกลายเป็นสงครามประหัตถ์ประหารกันได้
      6.2  แนวความคิดชาตินิยมในทวีปเอเชียและแอฟริกา เริ่มปรากฏในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อญี่ปุ่นทำสงครามรบชนะรัสเซีย ใน ปี พ.ศ. 1905 กระตุ้นให้ชาติเล็ก ๆ เชื่อว่าจะสามารถเอาชนะประเทศยุโรปได้
     6.3  พลังชาตินิยมปรากฏชัดเจนภายหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 เป็นต้นไป)
 

 


7 ความคิดเห็น:

  1. อัจฉรา11/15/2555

    เนื้อหาดี

    ตอบลบ
  2. โศภนา11/17/2555

    เนื้อหาดี มีรูปภาพประกอบทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ทำได้สวยงาม

    ตอบลบ
  3. อนงค์นาง11/18/2555

    เนื้อหาครบถ้วน

    ตอบลบ
  4. อัจฉวิภา11/18/2555

    สรุปได้ดี

    ตอบลบ
  5. อุบล11/20/2555

    กำลังต้องการเนื้อหาอยู่พอดีเลย

    ตอบลบ
  6. อุบล11/20/2555

    ขอบคุณ ต่อความคิดเห็นข้างบน

    ตอบลบ
  7. เพ็ญพิชชา11/20/2555

    เนื้อหาเข้าใจง่าย

    ตอบลบ