1. การแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี โดยใช้วิธีการทางการทูตและการเมืองได้แก่
1.1 การเจรจาโดยตรงระหว่างคู่กรณี
1.2 การไกล่เกลี่ยเพื่อหาข้อยุติ
1.3 การสืบสวนหาข้อเท็จจริง
1.4 การเป็นคนกลางเข้ามาช่วยเจรจา
1.5 การประนีประนอม
1.6 การตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
1.2 การไกล่เกลี่ยเพื่อหาข้อยุติ
1.3 การสืบสวนหาข้อเท็จจริง
1.4 การเป็นคนกลางเข้ามาช่วยเจรจา
1.5 การประนีประนอม
1.6 การตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
2. การแก้ไขความขัดแย้งด้วยวิธีบีบบังคับ จะใช้วิธีการนี้ในกรณีที่ไม่สามารถใช้แบบสันติวิธีได้สัมฤทธิ์ผลเท่านั้น แบ่งได้ 2 ทาง คือ
1. การตอบโต้ แบ่งออกเป็นดังนี้
- รีทอร์ชั่น เป็นวิธีการที่ไม่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ก็ไม่เป็นมิตร เช่น ตัดความสัมพันธ์ทางการทูต
- รีไพรซอล เป็นวิธีการไม่ถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น การไม่ยอมปฏิบัติตามพันธกรณีในสนธิสัญญา
- การใช้มาตรการอื่น ๆ เช่น การคว่ำบาตร การปิดล้อมทะเลอย่างสันติ เป็นต้น
- รีทอร์ชั่น เป็นวิธีการที่ไม่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ก็ไม่เป็นมิตร เช่น ตัดความสัมพันธ์ทางการทูต
- รีไพรซอล เป็นวิธีการไม่ถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น การไม่ยอมปฏิบัติตามพันธกรณีในสนธิสัญญา
- การใช้มาตรการอื่น ๆ เช่น การคว่ำบาตร การปิดล้อมทะเลอย่างสันติ เป็นต้น
2. การใช้กำลัง เป็นวิธีการสุดท้ายที่ทำ คือ ใช้กำลังสูงสุด คือ การทำสงคราม
- สงครามจำกัดขอบเขต คือ การใช้กำลังเข้าบังคับเพื่อคลี่คลายปัญหาความขัดแย้ง โดยให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
- สงครามเบ็ดเสร็จ คือ การเข้าไปครอบครองดินแดนของชาติอื่น และแทรกแซงด้านการบริหารการปกครอง เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่กับชาติของตน
- สงครามจำกัดขอบเขต คือ การใช้กำลังเข้าบังคับเพื่อคลี่คลายปัญหาความขัดแย้ง โดยให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
- สงครามเบ็ดเสร็จ คือ การเข้าไปครอบครองดินแดนของชาติอื่น และแทรกแซงด้านการบริหารการปกครอง เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่กับชาติของตน
เนื้อหาดีมาก
ตอบลบเนื้อหาดี และทำได้สวย
ตอบลบจัดหน้าดี แบ่งได้เป็นหมวด สวยงาม
ตอบลบใช้หลายสี ทำให้จำง่าย
ตอบลบได้รับความรู้
ตอบลบสวยงาม
ตอบลบเข้าใจได้ดี
ตอบลบทำได้สวยงาม
ตอบลบ